เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์แต่งตากันดีกว่า
![]() |
จากซ้ายไปขวา 1-3 แปรงทา 4 แปรงเกลี่ย 5 แปรงคัดเบ้า 6-8 แปรงเขียนขอบตา |
- แปรงทาอายแชโดว์ ขนาดเล็กใหญ่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่จะใช้
- แปรงเกลี่ย เกลี่ยให้สีสม่ำเสมอ กลมกลืนกันไม่เป็นจ้ำเป็นขอบ
- แปรงคัดเบ้า ใช้สำหรับสร้างเบ้าตาให้มีความลึก มีมิติ
- แปรงสำหรับกรีดอายไลเนอร์
2. สำลีพันก้าน ใช้แก้ไขความผิดพลาด หรือ ใช้ทาอายแชโดว์กรณีจำเป็น
3. นิ้วมือ ใช้กับอายแชโดว์แบบครีม สามารถแตะและเกลี่ยได้ดีเลยค่ะ
4. อายแชโดว์ ซึ่งแบ่งออกเป็น
แบบฝุ่น(นิยมอย่างแพร่หลาย) แบบครีม (ติดทน) แบบดินสอ(สะดวก)
5. อายไลเนอร์ มีแบบ ดินสอ เจล เค้กไลเนอร์ และแบบ น้ำ อายไลเนอร์มีสีขาวด้วยนะคะ ใช้สำหรับเขียนเส้นขอบตาด้านในเพื่อให้ตาดูโตขึ้น
6. มาสคาร่า มีแบบ กันน้ำ ไม่กันน้ำ จะใช้มาสคาร่าเบสด้วยก็ได้นะคะ เพื่อช่วยต่อขนตาและทำให้ขนตาคงรูปมากขึ้น หรือใครอยากติดขนตาด้วย ก็ได้ค่ะ ถ้าติดขนตาก็ต้องมีกาวติดขนตาด้วย
7.อายแชโดว์เบส ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่ข้อดีของการใช้อายแชโดว์เบสคือ ทำให้สีสันของอายแชโดว์ชัดเจน เกลี่ยง่าย ทำให้อายแชโดย์ติดทนขึ้น ซึ่งใครที่มีเปลือกตามันควรใช้อย่างยิ่งค่ะ
8.สก็อตเทปทำตาสองชั้น สำหรับตาชั้นเดียว หรือสองชั้นหลบใน ตัดเป็นรูปสระอิ แปะบนเปลือกตา ก่อนทารองพื้น
ข้อควรรู้ ก่อนแต่งตา
- อย่าทาตาด้วยอายแชโดว์สีแดง เพราะ จะทำให้ดวงตาดูอิดโรย แดงนะคะ ไม่ใช่ชมพู ไม่ใช่ส้ม อ้าวแล้วที่เค้าแต่งหน้างิ้ว แต่งหน้าโขน ยังใช้ได้เลย นั่นคือการแต่งหน้าอิงวัฒนธรรมและเพื่อการแสดงบนเวที แต่เราแต่งเดินถนนค่ะ
- สาวเอเชียอย่างเรา สีออกโทนธรรมชาติ เอิรธ์โทน จะแต่งง่ายและเข้ากับเราที่สุดค่ะ สีน้ำตาลสวยในทุกสภาพสีแสง แต่งสีสด หรือสีพาสเทลอ่อนๆ ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่ต้องแต่งให้เป็น
- อายแชโดว์แบบฝุ่น คือ เกลี่ยง่ายสุด สามารถควบคุมน้ำหนักของสีได้ดี สามารถผสมหลายสีแล้วเกลี่ยให้เหลือบๆกลืนๆกัน เกรซเองก็ชอบใช้แบบฝุ่นค่ะ
- อายแชโดว์แบบครีม ข้อดี คือ ติดทน จะใช้พู่กันหรือมือเกลี่ยก็ได้ค่ะ เราสามารถใช้แบบครีมลงก่อนเป็นสีแรกและใช้แบบฝุ่น ลงทับก็ได้ค่ะ
- อายแชโดว์แบบดินสอ ที่เห็นก็จะเป็นแบบกึ่งฝุ่น กึ่งครีม ใช้ง่ายดีค่ะ แต้มลงบนเปลือกตาแล้วเกลี่ย
- เนื้อของอายแชโดว์จะมีแบบด้าน(matt) แบบชิมเมอร์(shimmer) แบบกากเพชร(glitter) การทาสีตาควรมีสีด้านเป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 1 เฉดสี เพื่อกำหนดรูปทรง สีเข้มสามารถช่วยลดความบวมของเปลือกตา ส่วนสีอ่อนช่วยให้ความลึกของตาดูตื้นขึ้น ชิมเมอร์หรือมุกช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่ดวงตา
รู้จักรูปตาของตัวเอง
ตาปกติ คือ ตาที่ไม่ลึก ไม่โปน ไม่บวม ไม่เล็กเป็นเม็ดอัลมอนต์ มีชั้นตาชัดเจน
ตาลึก คือ มีเบ้าตาลึกเข้าไป เวลาหลับตาเห็นกระบอกตาลึกลงไปชัดเจน
ตาโปน คือ ตาที่กระบอกตานูนออกมา
ตาบวม คือ ตาที่ชั้นหนังตาค่อนข้างเยอะตุ่ยออกมา ปกติจะเป็นตาสองชั้นแต่หลบใน
ตาชิด คือ ตาที่หัวตาอยู่ใกล้กับสันจมูก
ตาห่าง คือ ตาทีตำแหน่งหัวตาอยู่ห่างจากสันจมูกมาก
ตาตก คือ ตาที่หางตาตก
ตาญี่ปุ่น คือ ตาเล็กเหมือนกระดุมหรือเม็ดอัลมอนด์
ตาชั้นเดียว ก็เหมือนบ้านชั้นเดียวนั่นแหละค่ะ ไม่มีชั้นที่สอง
การแต่งตาแบ่งเป็นแบบใหญ่ได้สามแบบ คือ
1. แต่งตากลม ตา กลม ไม่ใช่ ตาก ลม นะคะ คือ แต่งในลักษณะครึ่งวงกลมไล่ชั้นกันขึ้นไป การแต่งตาแบบสโมกกี้ อาย ก็มีพื้นฐานมาจากการแต่งตากลม เพียงแต่สีที่ใช้จะค่อนข้างเข้มกว่าแต่งตากลมปกติ แล้วเกลี่ยให้ฟุ้งให้ลักษณะหมอกควัน
2. แต่งตา V shape หรือ การคัดเบ้า ทำให้เบ้าตาดูลึกขึ้น ลักษณะคล้ายตัว v แนวนอน
3. แต่งตา second line คือ การสร้างชั้นตาใหม่ขึ้นมา ใช้กับคนตาชั้นเดียว
แต่งตาแบบไหน อะไร ยังไง เดี๋ยวมาทำ How to ให้ดูกันค่่ะ
No comments:
Post a Comment