Wednesday, 9 May 2012

Review Eye Palette : M.A.C , Lancome , BSC ใช้อายแชโดว์ ยี่ห้อไหน ดี

สวัสดีค่ะเพื่อนสาว วันนี้เกรซขอนำเสนอรีวิวเกี่ยวกับอายแชโดว์พาเลตท์ที่ซื้อมาล่าสุดค่ะ อย่างที่เคยบอกกันว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ การแต่งตาที่สวย มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้การแต่งหน้าดูสมบูรณ์แบบ การใช้อายแชโดว์คุณภาพดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง อะไร ยังไงเนี่ย ลองมาดูกันจ้ะ เริ่มที่
M.A.C  Snow globe Eye Shadows : Sultry
ตลับสวยเก๋
เกรซได้มาตอนเดินเวิ้นเว้ออยู่ที่ดิวตี้ฟรีค่ะ ด้วยความที่เป็นแฟนตัวยงของ M.A.C อยู่แล้ว พอเห็นสีสวยสะดุดตาก็เลยสอยมาเลยในราคา 1700 กว่าๆ ภายในประกอบด้วย อายแชโดว์ประกายมุก 5 สี ได้แก่ ขาวมุก เหลืองทองมุก เขียวเข้มมุก ม่วงมุก ม่วงแดงเข้มมุก มุกเยอะไปมั้ยอ่ะ และมีสี ม่วงเทาดำ แบบด้าน 
สีสันภายในพาเลตท์
เซ็ตนี้น่าจะเหมาะกับคนชอบแต่งตาแบบ Smoky eye เพราะ มีสีเข้มอยู่ถึง 5 สี ส่วนสีขาวมุกเอาไว้ทำไฮไลท์
สีสันบนผิว
ความเห็นส่วนตัว เกรซรู้สึกผิดหวังค่ะ เพราะ 
- เนื้ออายแชโดว์ค่อนข้างแห้ง แต่ไม่ถึงกับเกลี่ยยากนะคะ แต่มันแห้งกว่า M.A.C Royal Asset 6 smokey eyes ที่เกรซเคยใช้ 
- พิกเมนต์สี เกรซว่ามันน้อยไป อย่างสีขาวมุก ทาลงบนเปลือกตาแล้วมันดูบางมาก เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย ส่วนสีทองและสีเขียว โอเคค่ะ เข้าคู่ดู๋ดี๋ โดยส่วนตัวชอบสีทองและเขียวอยู่แล้ว พอให้อภัยได้
- สามสีที่เหลือคือ ม่วงกลาง ม่วงแดงเข้ม และม่วงเทาดำ เกรซว่า การจัดคู่สียังไม่ลงตัว เพราะ น่าจะเปลี่ยนม่วงกลางให้อ่อนกว่านี้ ส่วนสีม่วงเทาดำ ก็น่าจะเข้มได้มากกว่านี้ ถ้าวัตถุประสงค์ของตัวสินค้าต้องการให้แต่งไล่โทนสีในโทนสีม่วง ก็ควรจะให้มันมีระดับเฉดสีที่ห่างกันมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ หากลงสีม่วงกลาง ตามด้วยม่วงเข้มบนเปลือกตา มันเหมือนลงสีเดิมแต่เข้มขึ้นอ่ะค่ะ Sultry แปลว่า ปลุกเร้าอารมณ์ แต่สีม่วงสามเฉดดูเนิบนาบมาก แต่ยังงัยก็ซื้อมาแล้ว เกรซเลยหาสีดำจากพาเลตท์อื่นมาผสมด้วย ก็ดีขึ้นกรุบกริบ
- ราคา ประหนึ่งผสมทองคำแท้ลงไป แพงซะ
ข้อดี M.A.C ออกแบบสีออกมาได้แหวกแนวและไม่ค่อยซ้ำใครทั้งสี ของ ตา แก้ม ปาก ทาแล้วดูโดดเด่น
สรุป ถ้าคิดจะซืื้ออายแชโดว์ M.A.C ต่อไป ก็จะซื้อทีละสีเลือกเองตามใจชอบดีกว่า ยังงัยก็รัก M.A.C ค่ะ
Lancome Eyes Virtuose
ตลับเหมือนพาเลตท์อื่นๆของลังโคม
ก่อนหน้านี้เกรซเคยใช้พาเลตท์ของลังโคมที่มีทั้ง ตา แก้ม ปาก แล้วติดใจ เพราะ อายแชโดว์สีสวย เกลี่ยง่ายและติดทน พอเห็นพาเลตท์ชุดนี้ก็เลยสอยมาในราคา พันกว่าๆไม่ถึงพันห้า จำไม่ได้แน่ชัด
สีสันภายในพาเลตท์
ดูเผินๆ สีสันค่อนข้างแต่งง่าย และแต่งได้หลากหลาย สีส้มอ่อน ชมพูม่วงอ่อน แต่งหวานๆ สีน้ำตาลกลางแต่งแบบธรรมชาติ สีขาวเป็นไฮไลท์ ส่วนสีน้ำเงินและเทาเข้าคู่กันสามารถแต่งแบบสโมคกี้ก็คงสวยน่าดู ทั้ง 6 สีมีส่วนผสมของประกายมุกในระดับต่างกันไป 
สีสันบนผิว
และพอใช้แล้ว ดิฉันก็พบว่า
-ฝั่งขวาตลกกว่า (มุกเยอะ) ฝั่งซ้ายมุกน้อย ไม่ค่อยฮา แต่ขอบอกว่า สีน้ำตาล น้ำเงินและเทา ทาแล้วสวยค่ะ ไม่เข้มและไม่อ่อนจนเกินไป หากต้องการให้เข้มขึ้น ก็เพียงใช้ดินสอเขียนขอบตาสีเข้ม ทาแล้วเกลี่ยซ้ำได้
- ส่วนสีส้มอ่อนและชมพูอ่อน เกรซว่ามันอ่อนไปนิดนึง เวลาทาลงไปจะเห็นเป็นสีมุก ออกประกายส้มและ ชมพู นิดๆ คือสีมันดูใกล้เคียงกับสีขาวมุก แล้วจะทำมาเพื่ออะไรกันจ๊ะอิลังโคม ดังนั้น เกรซจะใช้ฝั่งขวาเป็นสีแรก ตามด้วยสีเข้มอื่นๆ
สรุป ซื้อได้ใช้ดี ถ้าราคาถูกกว่านี้ จะรักมากกว่านี้ โอเคป่ะ
มาถึงชิ้นต่อไป ชิ้นนี้ เซอร์ไพร์สเดี๊ยนมาก
BSC Legend of Eye Colors ชุด Tropical Orange โทนส้มทอง
ตลับส้มทองน่าใช้
จริงๆเกรซรู้มาตั้งนานแล้วค่ะว่า อายแชโดว์ยี่ห้อนี้ดี สีสวย เกลี่ยง่าย แต่ด้วยความที่ดาวเรืองมัวแต่หลงแสงสีเมืองกรุง ใช้แต่ M.A.C Nars Bobbi Brown ซะจนเคยตัว ทำให้หลงลืมแบรนด์นี้ไปอย่างง่ายดาย แต่วันนึงขณะที่เดินเวิ้นเว้อเหรอหราอยู่ในห้าง เจอเค้าลดราคาพอดี เกรซก็พุ่งดิ่งเข้าไปเลียบๆเคียงๆ น้องคนขายก็ใจดี บอกเราว่าลองสีได้เต็มที่ ปรากฏว่า สีสันทั้งสี่เซ็ตสวยหมดเลย แต่ในที่สุดเกรซก็เลือกน้อง Tropical Orange มาอยู่ด้วยกัน ในราคาลดแล้ว ไม่ถึงพัน แบบนี้

สีสันภายในพาเลตท์
ในชุดนี้ ประกอบด้วย สีประกายมุก 5 สี ประกายมุกชัดเจนคือ สีครีมและสีเขียวทอง ประกายมุกนิดหน่อย คือ สีส้มอ่อน สีส้มแดง และสีน้ำตาล และสีดำแบบด้าน ค่ะ
สีสันบนผิว
- ความประทับใจแรก คือ มีสีดำด้วยอ่ะ สีดำค่อนข้างจำเป็นสำหรับเกรซไม่ว่าแต่งหน้าโทนไหนก็ตาม เพราะการใช้สีดำช่วยขับให้ดวงตาดูมีมิติมากขึ้น
- สีสวยทุกสีจริงๆ คือ ซื้อมาแล้วสามารถใช้ได้ทุกดี ผสมกันสลับสีไปมายังงัยก็สวย วันสบายลงสีส้มอ่อน สีเดียว ก็ยังไหว แต่งหน้าไปทำงาน ใช้สีส้มอ่อนหรือส้มแดงลงก่อน ตามด้วยน้ำตาล หน้าหวานมาก วันไหนอยากเปรี้ยว ใช้สีเขียวทองตัดกับสีดำ เริ่ด ส่วนสีครีมใช้เป็นไฮไลท์ก็สว่างไสวสวยงาม ความลงตัวอีกอย่าง น่าจะมาจาก เกรซเลือกโทนสีส้มซึ่งเข้ากันได้ง่ายกับสาวอันเดอร์โทนสีเหลืองอย่างเกรซ 
สรุป ประทับใจมาก จะไปซื้อเฉดสีอื่นๆมาอีก เชิดๆ เริ่ดๆ ขอไปเก็บตังค์ก่อน อีกสามปีค่อยว่ากัน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สาวๆหลายๆคนที่ขี้เกียจแต่งตาอาจอยากลุกขึ้นมาแต่งบ้างรัยบ้าง สามารถกลับไปอ่านบทความเก่าๆที่เกรซแนะนำขั้นตอนการแต่งตาแบบต่างๆกันได้ ส่วนสาวๆคนไหนที่แต่งตาอยู่แล้วแต่รู้สึกว่า สีอายแชโดว์ไม่ค่อยติดทน ก็ลองลง eye primer ก่อน จะทำให้สีสันอายแชโดว์ชัดขึ้น ติดทนขึ้น จะยี่ห้อไหน อะไร ยังงัย กลับไปอ่านบทความเก่าๆเลยจ้ะ 
แต่งตาจัดเต็มไปแล้ว เวลาล้างออก ก็ต้องให้หมดจดนะจ๊ะ โดยใช้ Eye remover หยดใส่สำลีแล้วแปะไว้ที่เปลือกตาประมาณ 15 วินาทีแล้วค่อยๆลูบแผ่นสำลีออกอย่างแผ่วเบา อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งทิ้งแผ่นสำลี เราสามารถใช้ด้านที่ยังสะอาดอยู่เช็ดลิปสติกที่ริมฝีปากได้อีกด้วย สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องฉลาดใช้ด้วยจ้า พูดมาจนต่อมทอมซิลจะอักเสบอยู่แล้ว หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนสาวทั้งหลายบ้าง ขอบพระคุณที่ติดตามและอดทนอ่านบทความของเกรซมาโดยตลอดนะคะ ครั้งต่อไป เรามาดูวิธีทำสวยในวันตื่นสายกันดีมั๊ยค่ะ แล้วเจอกันจ้า

Thursday, 3 May 2012

Review L'oreal Hair spa Vs Lolane Natura Hair Treatment

ผมแห้งเสีย ผมแตกปลาย ผมขาดน้ำหนัก และผมขาดหลุดร่วง เป็นปัญหาที่สาวๆหลายคนกำลังประสบพบเจอกันอยู่ สาเหตุคงไม่ต้องพูดถึงใช่มั้ยคะ เรามาดูวิธีแก้กันดีกว่า
วิธีแก้ไขที่ปลายเหตุ รวดเร็ว และได้ผล คือ ตัดค่ะ การตัดผมหรือเล็มปลายผมทุกๆ 6 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลายแล้ว ยังทำให้เส้นผมของเราไม่ค่อยพันกัน จัดทรงได้ง่ายขึ้น สุขภาพผมดีขึ้น
ส่วนวิธีแก้ไขปัญหาระยะยาว อีกทางเลือกนึง คือ การดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงอย่างล้ำลึก เช่น ทรีทเมนต์ หรือ ครีมอบไอน้ำ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายๆคนพูดถึงในเว็บไซด์ความงาม รวมถึงกระทู้ในพันทิป คงหนีไม่พ้นสองตัวนี้แน่ๆ นั่นคือ L'oreal hair spa และ Lolane Natura Hair Treatment  วันนี้เกรซเลยจะขอพูดรายละเอียดว่า ทรีตเมนต์เหล่านี้มีข้อดีอย่างไร และ ข้อแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์สองตัวนี้คืออะไร มาเริ่มกันที่
L'oreal Hair Spa ซึ่งมีสองสูตร Nourishing Creambath สำหรับผมแห้งเสีย และ Repairing Creambath สำหรับผมอ่อนแอ แห้งเสียมาก ตัวกระปุก ปริมาณ 500 ml. สีฟ้า แบบนี้


วิธีใช้ตามฉลาก คือ ใช้หลังสระโดยผสมกับทรีทเมนต์เข้มข้นอีกตัวนึงแล้วนวดให้ทั่วเส้นผมรวมถึงหนังศีรษะ จากนั้นก็อบไอน้ำหรือคลุมด้วยผ้าขนหนูอุ่นๆ ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก สำหรับเกรซเลือกใช้ สูตร Nourishing Creambath เพราะสภาพผมไม่ได้เสียหายยับเยินอะไรมากมาย โดยใช้เดี่ยวๆไม่ได้ผสมทรีทเมนต์เข้มข้นอีก ลองมาทั้งแบบ หมักไว้เฉยๆ อบไอน้ำที่ร้าน อบไอน้ำด้วยตัวเองโดย ใช้หมวกคลุมผมอาบน้ำห่อด้วยผ้าขนหนูหมาดแล้วใช้ไดร์เป่า ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ก็ออกมาใกล้เคียงกันค่ะ แต่การอบไอน้ำเกรซรู้สึกเหมือนกับว่าผมจะนุ่มขึ้นอีกนิดนึง ข้อดีของตัว hair spa คือ บำรุงทั้งเส้นผม และหนังศีรษะค่ะ รู้สึกได้เลยว่าผมมีน้ำหนักขึ้น ชุ่มชื้น สปริงตัวดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราเคลือบแว๊กใสอ่ะค่ะ ผมเงางามดีด้วย แต่ในเรื่องของความนิ่ม ก็นิ่มนะคะแต่ เกรซให้คะแนน Lolane มากกว่าค่ะ โดยปกติเวลาเราใช้ครีมนวดผม เส้นผมของเราจะชุ่มชื้นเพียงระยะสั้นๆ แต่ทรีทเมนต์ตัวนี้ เกรซรู้สึกว่าเส้นผมยังคงความชุ่มชื้นจนถึงการสระครั้งต่อไป (3 วัน) ไม่รู้คนอื่นๆจะรู้สึกเหมือนกันรึป่าว 
Lolane Natura Hair Treatment ซึ่งก็มีหลายสูตร แล้วแต่สภาพผมของแต่ละบุคคล เกรซเลือกลอง   สูตร  Jojoba Oil & Silk Protein สำหรับผมแห้งเสีย ชี้ฟู ไร้น้ำหนักค่ะ


วิธีใช้ตามฉลาก ดูเหมือนจะง่ายกว่าตัว Hair spa คือ ใช้หมักผมหลังสระ ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก หากต้องการผลลัพท์ที่ดีขึ้น ก็ควรใช้อบด้วยไอน้ำ ความประทับใจแรก คือ ถูก และเร็ว  สามารถใช้แทนครีมนวดผมได้เลย หลังจากล้างออก สิ่งที่เกรซสัมผัสได้เลย คือ ผมนุ่มขึ้นมาก มากกว่าตัว Hair spa หลังจากไดร์ให้แห้งแล้ว สังเกตได้ว่า เส้นผมจะเรียบตรง ไม่ชี้ฟู อันนี้คือข้อดีค่ะ แต่ในเรื่องของ ความเงางาม ผมมีน้ำหนัก และความสปริงตัวของเส้นผม เกรซใช้เครดิต ตัว Hair spa มากกว่านะ หลังการใช้ยังรู้สึกถึงความชุ่มชื้นจนถึงการสระครั้งต่อไป เหมือน Hair spa ค่ะ
แล้วจะเลือกซื้ออันไหนดีล่ะเจ๊
ราคา  Hair spa ปริมาณ 500 ml. ราคาประมาณ 370 ส่วน Lolane ปริมาณ 250 ml. ราคาประมาณ 150  Lolane ถูกกว่านิดนึง
คุณภาพ ดีทั้งคู่ อันนี้แล้วแต่สภาพผมและความชอบส่วนตัวค่ะ เกรซว่า ถ้าต้องการความนิ่ม แบบนิ๊ม นิ่ม ผมเรียบไม่ชี้ฟู ก็ Lolane ถ้าต้องการความมีน้ำหนักเงางาม ผมมีสปริง ก็ Hair spa 
ถ้าจะให้ดีก็ใช้ทั้งสองอันเลยค่ะ ถ้ามีเวลามากหน่อยก็หมักด้วย Hair spa ถ้ารีบร้อนก็หมัก Lolane จับปลาสองมือไปเลยจ้ะ ใช้สลับกันไปมา หนุกดี การใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ อย่างเดียวนานๆ ไม่ดีหรอกค่ะ ควรสลับใช้ผลิตภัณฑ์อย่างอื่นบ้าง เพื่อไม่ให้เส้นผมลีบแบน หรือ กระด้าง
กลิ่น หอมอ่อนๆทั้งคู่ สำหรับเกรซขอให้ไม่ใช่กลิ่นลูกกวาดหวานๆเป็นอันใช้ได้
ไม่มีตังค์ซื้อ ทำไงดี ฮือ ฮือ
ใช้น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก ก็ได้ค่ะ โดยใช้หมักผมก่อนสระประมาณครึ่งชั่วโมง สูตรนี้แม้แต่ดาราดังหลายคน ก็นิยมใช้กัน เพราะ สกัดจากธรรมชาติ แต่เวลาหมัก ควรเว้นระยะโคนผมไว้ด้วย เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว จะทำให้หนังศีรษะมันและเส้นผมลีบแบนได้ค่ะ เกรซต้องบอกตรงๆว่า ลองเองแล้วไม่ชอบอ่ะ ไม่ได้ดัดจริตนะคะ แต่ไม่ค่อยถูกกับอะไรที่ธรรมชาติมากๆ 
นอกจากการบำรุงรักษาเส้นผม โดย การเล็มปลายผมและการหมักด้วยทรีทเมนต์แล้ว ควรหลีกเลี่ยง ความร้อนจาก การจัดแต่งทรง ทำสีเป็นประจำ เข้าใจนะคะว่า บางคนหลีกเลียงไม่ได้ แต่ก็ควรมีเวลาให้เส้นผมได้พักบ้างรัยบ้าง ถ้าเส้นผมที่มีอยู่แห้งเสีย ก็ไปตัดออกซะ เก็บเอาไว้ธนาคารก็ไม่ให้ดอกเบี้ย เว้นเสียแต่ว่า จะเก็บไว้ทำไม้กวาด อิอิ อีกอย่างนึงที่เกรซสังเกตเห็นคือ ผู้หญิงเราชอบไปอบไอน้ำที่ร้าน จากนั้น ช่างทำผมก็จะใช้ไดร์เป่าผมซึ่งมีความร้อนสูงมากๆ มาเป่าผมให้เรา ซึ่งมันดูขัดๆกันมั้ยคะ เราต้องการฟื้นฟูสภาพเส้นผม แต่กลับใช้ความร้อนทำลายเส้นผมซ้ำลงไปอีก มันไม่ดีกว่าเหรอค่ะ หากเราหมักผมหรืออบไอน้ำเองที่บ้าน จากนั้นปล่อยให้แห้งเอง หรือใช้เครื่องเป่าผมที่ไม่ร้อนมากมาไดร์ผม หรือบอกช่างทำผมว่า อบไอน้ำแต่ไม่ต้องไดร์ผม อันนี้ลองไปคิดเล่นๆกันดูนะคะ เคยมีคนพูดว่า เส้นผมคือ มงกุฎ เพิ่มความสวยเปล่งประกายให้แก่ผู้หญิง  จะเลือกสวมมงกุฎเพชร มงกุฎดอกส้ม หรือมงกุฏฟางข้าว อยู่ที่คุณแล้วล่ะค่ะ  อย่าลืมนะคะ เกิดเป็นหญิงอย่าได้หยุดสวย ดีชั่วจนรวยต้องสวยไว้ก่อน หมั่นดูแลเป็นนิจจะสวยแน่นอน รีบทำเสียก่อน จะลงไปนอนในโลง อ้าวขึ้นต้นซะดีเชียว ผมเสียแก้ได้ แต่ปากเสียแก้ไม่ได้จริงๆค่า ^.^





Tuesday, 27 March 2012

เคล็ดลับ ลดจุดด่างดำ รอยสิว บนใบหน้า

Hi Everyone สวัสดีค่ะเพื่อนสาว เกรซกลับมาแล้วค่า ช่วงนี้มีธุระปะปังมากมาย โน่น นี่ นั่นให้ต้องจัดการ เลยไม่ค่อยได้อัพบล็อค เอาเป็นว่า วันนี้ เกรซ มีวิธีลดจุดด่างดำบนใบหน้ามาฝากค่ะ

ใบหน้าใครไม่มี รอยสิว กระ ฝ้า มั่งค่ะ ส่วนใหญ่ก็คงมีบ้างรัยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ไม่มีไฝฝ้า จุดด่างดำอะไรเลยนั่นแหละแปลก คนนะจ๊ะ ไม่ใช้ตุ๊กตาเซรามิค
รอยดำจากสิว มีโอกาสหายค่ะ แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรให้เซลล์ผิวผลัดลอกและสร้างชั้นผิวใหม่เลื่อนขึ้นมาทดแทน ยิ่งตำแหน่งเป็นสิวอักเสบนานๆ ผิวบริเวณนั้นจะค่อนข้างบอบช้ำ บางทีต้องใช้เวลาเป็นปีเลยทีเดียวกว่ารอยดำจากสิวจะหายไป
รอยกระ รอยฝ้า ทำใจก่อนเลยค่ะ ถ้าได้มาแล้ว จะให้มันอันตธานไปง่ายๆเหมือนเงินสดหรือผู้ชาย คงเป็นไปได้ยาก แม้แต่การทำเลเซอร์ ก็ต้องทำหลายครั้งหลายรอบ การมีฝ้า กระ ถือเป็นเสน่ห์อย่างนึงของผู้หญิงนะ แต่การพยายามโบ๊ะ ปกปิดร่องรอยมากเกินไปต่างหากที่ทำให้เสน่ห์ของผู้หญิงตามธรรมชาติขาดหายไป เอาเป็นว่า เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และทำให้รอยฝ้า กระ จางลง มีผิวหน้าสดใส ก็น่าจะพอนะคะ
วิถีธรรมชาติ โดยปกติเกรซไม่ค่อยคุ้นกับวิถีนี้เท่าไหร่ เพราะเห็นผลช้าไม่ทันใจ แต่ข้อดีคือ อ่อนโยน ประหยัด หากทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็จะได้ผลดี 
สูตรที่หนึ่ง มะขามเปียกหนึ่งกำมือ ล้างสะอาด +นมสดจืด 3 ช้อนโต๊ะ +น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งขึ้นไป มะขามมี AHA ผลัดผิว , วิตามินซี ช่วยให้หน้ากระจ่างใส นม มี กรดแลคติก ผลัดผิว,น้ำผึ้ง คงความชุ่มชื้น โอเคสูตรนี้ make sense นะ
สูตรที่สอง หัวไชเท้าปอกเปลือกแล้วปั่น + น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ พอกทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก หัวไชเท้ามีโปรวิตามินเอ ทำให้ผิวเรียบเนียนลดริ้วรอย น้ำมะนาวมี AHA+Vitamin C สูตรนี้ก็น่าลองค่ะ สำหรับใครที่มีผิวหน้าแห้งหรือแพ้ง่าย ให้ลดปริมาณน้ำมะนาวลงจ้า
สูตรที่สาม น้ำมะนาวคั้นครึ่งลูก + ดินสอพอง 4-5 เม็ด พอกไว้ 15 นาที 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์หลังจากทำครบ สามเดือน ลดเหลือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน และ รอยกระจางลง
ถ้ารักจะใช้สมุนไพรในการรักษา ควรใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน ใช้เวลาอย่างต่ำ สามเดือน แล้วถึงจะรู้ว่าได้ผลหรือไม่
เซรั่มลดเลือนริ้่วรอย เป็นวิธีที่สะดวก เห็นผลเร็วกว่าสมุนไพรธรรมชาติ โดยหลักการทำงานของเซรั่ม คือ เข้าไปทำให้เซลล์เม็ดสีที่กระจุกตัวกันอยู่ กระจายตัว ทำให้รอยฝ้า กระ ดูจางลง แต่ก็มีข้อควรระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์อยู่ด้วยคือ ต้องไม่ใช้สารต้องห้าม คือ ไฮโดรควิโนน (ปกติแพทย์เท่านั้นสามารถสั่งยาได้) ไม่มีสารเคมีรุนแรงประเภทกัดผิวรวมอยู่ด้วย อ้าว แล้วจะรู้ได้ยังงัย ก็ควรเลือกเครื่องสำอางค์ยี่ห้อที่วางใจได้ อย่าซื้อยี่ห้อไก่กาตามตลาดนัด ตรวจดูส่วนผสมจากฉลากข้างกล่อง โรงงานผลิต และวันหมดอายุ รวมทั้ง ลองหาข้อมูลจากผู้เคยใช้ว่า เป็นอย่างไร อย่าใช้อินเตอร์เน็ตเฉพาะเวลาแช็ตกะผู้ชาย อัพโหลดรูปลงเฟสบุ๊ค หรือ เล่นแต่เกมส์ ควรจะหาข้อมูลในกูเกิ้ลเพื่อเสริมสร้างรอยหยักในสมองด้วยค่ะ อู้วแรงส์อ่ะ จากนั้น ทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณหลังหูก่อนใช้เสมอ ในร้านของเกรซก็มีเซรั่มให้เลือกนะคะอิอิ หัดเข้าไปดูซะบ้างนะจ๊ะ
วิตามินและอาหารเสริม การรับประทานอาหารครบห้าหมู่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ร่างกายรวมถึงเซลล์ผิวได้ซ่อมแซมและฟื้นฟู นอกจากนี้ การเสริมวิตามินก็มีส่วนช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงและชะลอการเสื่อมของเซลล์ ซึ่งได้แก่ 
วิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ผิวพรรณสดใส
วิตามินอี อีฟฟินิ่ง พิมโรส ออลย์ บำรุงเซลล์และชะลอความเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ สมานผิว 
คอลลาเจน โคเอ็นไซม์ คิวเทน เสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ให้ผิวเต่งตึง
ไลโคปีน ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูผิวหลังโดนแดด
ในฐานะคนที่ทานวิตามินและอาหารเสริมเป็นประจำ เกรซก็บอกได้นะคะว่า ตอนทานกับไม่ได้ทาน เห็นความแตกต่างค่ะ ตอนทานรอยดำจางเร็ว ผิวเปล่งปลั่งชุ่มชื้นขึ้น ฝ่ายที่ไม่ทานอาหารเสริมก็จะบอกว่า ทานอาหารครบห้าหมู่ ออกกำลังกายและดื่มน้ำเยอะ ก็พอ อันนี้ใช้วิจารณญานกันเอาเองค่ะ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่คิดเยอะ แต่กินอาหารเสริม คิดเยอะ เออ คนเรานี่ก็แปลกดีนะคะ
ปรึกษาแพทย์ สำหรับรายที่เป็นหนัก ไม่ไหวแล้ว ก็ลองเลือกแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง ในสมัยนี้คลินิคเวชกรรมผุดขึ้นเร็วมากเป็นดอกเห็ด รายการทรีทเมนต์เยอะกว่าเมนูในร้านอาหาร ก็ต้องเลือกกันให้ดีๆแยกให้ออกระหว่างแพทย์และนักธุรกิจ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่า ควรจะใช้การรักษารูปแบบใดแก่คนไข้ ซึ่งอาจเป็นเพียงยา ทรีทเมนต์ หรือ เลเซอร์ ขึ้นอยู่กับอาการค่ะ ช่วงที่เกรซเป็นสาวน้อยอยู่เชียงใหม่ เคยไปปรึกษาหมอตอนเป็นสิวอยู่เหมือนกัน คุณหมอใจดีมาก ผลการรักษาดีมาก ไม่เลี้ยงไข้ด้วย เกรซแนะนำคนอื่นให้ไปหาท่าน ทุกคนก็ประทับใจกันหมด อยากรู้ว่า คุณหมออะไร น่ะเหรอคะ ฮ่าๆ คุยกันหลังไมค์ 
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการลดเลือนจุดด่างดำ เราควรป้องกันไม่ให้ รอยหรือจุดด่างดำนั่นเข้มขึ้น โดย 
- ทาครีมกันแดดเสมอ ก่อนออกจากบ้าน ไม่ว่าสภาพอากาศวันนั้นจะเป็นเยี่ยงไรก็ตาม เพื่อป้องกันรังสี UV A /UV B ซึ่งจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสี โดยปกติการใช้มอยเจอไรเซอร์ที่ผสมสารกันแดด จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่า ครีมกันแดดโดยเฉพาะ
-หากฝ้า กระ เกิดจากการทานยาคุมกันเนิด ควรหาวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่น
-อย่าสัมผัสใบหน้าถ้าไม่ได้ล้างมือ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสิว อย่าบีบแกะสิว เพราะนั่นหมายถึง คุณได้ทำให้ผิวบอบช้ำและเป็นรอยดำ เป็นการฝึกความอดทนไปในตัวค่ะ 
เคล็ดลับการแต่งหน้าอำพรางรอยสิว ฝ้า กระ
การใช้รองพื้นสีสว่างขึ้นโปกลงไปบนหน้าเป็นสิ่งผิดค่ะ ตบหน้าตัวเองหนึ่งที ถ้าคุณทำแบบนี้ การทาหน้าขาวเกินกว่าปกติ จะเป็นการเน้นให้เห็นจุดด่างดำชัดขึ้น
เราควรใช้เบสปรับสีผิว สีออกแดง หรือ ออกส้ม เพื่อปกปิดรอยน้ำตาลจากฝ้า กระ รอยดำจากสิว และเบสสีเหลือง หรือเขียว สำหรับ รอยแดงจากสิวค่ะ วิธีใช้ ให้กดเบสลงไปบริเวณนั้นๆ อย่าเกลี่ยแบบลากนะคะ สีของเบสจะช่วยอำพรางรอยคล้ำได้ดีค่ะ จากนั้นให้ลงคอนซีลเลอร์ทับลงไปอีกที แล้วจึงลงรองพื้น หรือบางคนอาจทำสลับขั้นตอน โดยลงรองพื้นก่อนคอนซีลเลอร์ ถ้าปกปิดริ้วรอยอยู่ก็ไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์เลย ในปัจจุบันมีรองพื้นบางรุ่น ได้ผสมเซรั่มหรือวิตามินซีลงไป ซึ่งนอกจากจะทำให้หน้านวลเนียนแล้ว ยังช่วยให้ฟื้นฟูให้รอยดำจางลงด้วยค่ะ ที่สำคัญ หลังจากแต่งหน้าแล้ว พยายามทำตัวให้สดใสร่าเริงและมีความสุข ซึ่งเป็นการสร้างเสน่ห์ให้ตัวเอง ต่อให้บนใบหน้าจะมีสิวบ้าง ฝ้าบ้าง กระบ้าง คุณก็ยังดูสวยและสดใส กุมหัวใจผู้ชายได้ทั้งโลก (เวอร์ไปป่าวเนี่ย) ท่องไว้นะคะ ชั้นสวย ชั้นสวย
ขอบคุณข้อมูลดีๆเรื่องสมุนไพร จากwww.samunpri.com ด้วยค่ะ







Monday, 12 March 2012

วิธี ติดขนตาปลอม

ขนอะไรเอ่ย ที่คุณอยากเลี้ยงให้ยาว อย่าตอบว่า ขนหน้าแข้งนะคะ ใช่ค่ะ ขนตา ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะเห็นสาวๆทั่วทุกหัวระแหงติดขนตาปลอมกันอย่างถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่แม่ค้าและ สาวเซเว่น อีเลเว่น ซึ่งจริงๆในยุคคุณแม่ยังสาว ขนตาปลอมก็เป็นที่นิยมกันมากเช่นกัน ขนตาปลอมมีส่วนช่วยอย่างมากให้สาวๆดูสวยขึ้น ดวงตาดูกลมโตขึ้น หวานและเซ็กซี่ขึ้น วันนี้เรามาดูเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ ที่จะทำให้ขนตาปลอม ติดเนียนสนิทแนบดวงตาของคุณไปตลอดวัน
1. การเลือกชนิดขนตา มีส่วนสำคัญมาก ขนตาบางชนิดมีก้านที่หนา เส้นขนตาแข็ง และน้ำหนักมาก  จึงเป็นการยากที่จะดัดให้โค้ง แนบไปกับรูปตา เพราะมันมักจะเด้งหลุดออกมาหลังจากติดไปแล้ว คุณควรจะเลือกขนตาที่มีก้านเล็ก น้ำหนักเบาเป็นหลัก ขนตาปลอมราคาสูง เช่น M.a.c หรือ Shu จะติดง่าย คุณภาพดี ราคาถูกลงมาเช่น Bsc ก็มีก้านที่เล็กเบาเช่นกัน ขนตาราคาถูกที่เกรซชอบและใช้อยู่ คือ Preciosa     ซึ่งต้องดูที่เบอร์ด้วยนะคะ บางเบอร์ก็ก้านแข็ง บางเบอร์ก็ก้านเล็กเบา  ส่วนยี่ห้อตามตลาดนัดทั่วไปเหรอ มันถูกนะคะ แต่เกรซว่ามันไม่ค่อยธรรมชาติอ่ะ ติดแล้วเจ็บตา ไม่คุ้ม ข้อเสียของขนตาก้านเล็กเบา คือ ความไม่คงทน ต้องทะนุถนอมนิดนึง แต่ถ้ารักษาดีๆก็ใช้ได้เป็นเดือนนะคะ อิอิ เกรซใช้ขนตา1คู่ประมาณ 1 เดือนค่ะ การใช้ขนตาคู่นึงซ้ำๆจะทำให้คุณภาพขนตาลดลง และกาวไม่ค่อยยึดติดขนตาค่ะ  

2. กาวติดขนตา มีส่วนสำคัญมาก ที่จะยึดขนตาของคุณให้ติดตลอดวัน กาวที่มีควรมีคุณสมบัติ อ่่อนโยนต่อดวงตา ไม่แห้งเร็วหรือช้าจนเกินไป เวลาแห้งแล้วต้องไม่เป็นคราบเหลือง เหงื่อออกน้ำตาไหลไม่หลุด ลมพัดปะทะใบหน้าขนตาไม่หลุด เฮ้ยเยอะไปป่าว จากประสบการณ์ส่วนตัว Shu oemura ติดแน่นดีนะคะ แห้งไวไปนิดนึง ความคงทนก็อยู่ได้นานค่ะ เกรซใช้กาวยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรก แล้วเปลี่ยนมาเป็น Duo ของ M.a.c ด้วยความที่เราเป็นแฟนตัวยงของเมคอัพยี่ห้อนี้ ก็เลยใช้กาวของเค้าด้วย ติดแน่นทั้งวันค่ะ เวลาแห้งแล้วไม่เป็นคราบเหลือง แต่ด้วยความที่มันหลอดใหญ่ เวลาไม่ได้ใช้ซักพัก กาวมันจะแยกตัวกัน เวลาบีบออกมาจะเป็นน้ำใสๆอ่ะ  ส่วนยี่ห้อถัดมา คือ Mti อันนี้มีโอกาสใช้ตอนเรียนแต่งหน้า ซึ่งก็ติดดีนะคะ ราคาไม่แพงด้วย อาจารย์ตือเคยบอกเกรซว่า ยี่ห้อนี่แหละอาจารย์ใช้แต่งหน้าดาราที่เข้าฉากแล้วต้องร้องไห้ แต่ไม่หลุด เกรซลองใช้แล้วก็ชอบ มีสองสีคือ สีขาว กับ สีดำ สีดำจะติดแน่นกว่า จะถ้าติดไม่เก่งมันจะเลอะค่ะ  อีกยี่ห้อนึงที่คนนิยมใช้และบอกว่าดี คือ กาว Bsc แต่เกรซใช้แล้วมันเอาไม่ค่อยอยู่อ่ะ สงสัยไม่ถูกโฉลกกัน   เวลาออกนอกบ้าน สามสิ่งที่เกรซพก คือ กระดาษซับมัน ลิปกลอส และ กาวติดขนตาค่ะ กันพลาด เพราะบางทีไปเดินชายหาด เจอลมแรงมากๆ กาวยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ สาธยายกันมาขนาดนี้ เกรซขอมอบมง ให้กับ กาวติดขนตา Shu ได้ครองตำแหน่ง กาวติดขนตาดีเด่นไปครอง อิอิ

3. วิธีการติด  หากคุณติดขนตาปลอมไม่แนบไปกับร่องขนตาจริง โอกาสหลุดก็มีมากกว่าค่ะ เกรซมีวิธีมาบอกเล่าดังนี้
3.1 เตรียมอุปกรณ์ได้แก่ ขนตา แหนบ กรรไกรเล็ก และกระจกตั้งโต๊ะ(หรือกระจกแขวนที่คุณสามารถเอาใบหน้าคุณไปใกล้ที่สุดได้) จากนั้นเดินไปล้างมือค่ะ อ้าว งง ก่อนจะจับต้องใบหน้าและดวงตาทุกครั้ง มือเราควรสะอาดค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจ็บตา เป็นสิว แล้วก็มาบ่นอีก 
3.2 ดัดขนตาจริง เพราะให้ขนตาจริงโค้งรับกับความงอนของขนตาปลอม ไม่อย่างนั้นเวลาติดขนตาปลอม อาจเห็นขนตามีสองชั้นแยกจากกันได้ และดัดขนตาปลอมด้วยให้โค้งกรุบกริบ
3.3 ลองทาบขนตาปลอมกับเปลือกตาดู ความยาวของขนตาควรยาว 75% ของความยาวของตา เพราะปกติเราจะติดขนตาห่างจากหัวตาประมาณ 1/4 ของตา จากนั้นใช้กรรไกร ตัดขนตา หัวและท้าย หากต้องการตัดเพิ่มให้ตัดส่วนหัวตา เพราะโดยปกติ ขนตาคนเราส่วนหางจะยาวกว่า ถูกต้องมั้ยคะ
3.4 ทากาวที่ก้านขนตา จากนั้นรอให้กาวเซ็ตตัวนิดนึงประมาณห้าวินาที อย่าติดพรวดไปทันที มันจะลื่นค่ะ
3.5 การติด หากติดข้างขวา ควรใช้มือขวาจับแหนบคีบส่วนปลาย และมือซ้ายจับส่วนหัว ส่วนการติดด้านซ้ายก็ทำสลับกัน
3.6 วิธีการติดส่วนตัวของเกรซ คือ ติดจากส่วนหางก่อน โดยใช้แหนบดันขนตาเข้าไปที่หางตาแล้วก็ขยับแหนบบีบขนตาปลอมกับขนตาจริงให้แนบชิดและย้อนมาทางหัวตาเรื่อยๆ แต่อันนี้ก็แล้วแต่ถนัดนะ บางคนก็ติดส่วนหัวตา หรือตรงกลางก่อน
3.7 เมื่อก้านขนตาถูกติดแนบไปกับขนตาจริงเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ก้านพู่กัน หรือ แท่งอะไรซักอย่างที่เล็กๆถนัดมือ ค่อยๆช้อนขนตาจริงและขนตาปลอมขึ้น
3.8 ปัดมาสคาร่า ถ้าคุณจะใช้ขนตาแค่ครั้งเดียว ให้ปัดทับทั้งขนตาจริงและปลอม เพื่อให้ขนตาทั้งสองดูสวยรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่หากคุณจะงกเก็บขนตาคู่นั้นไว้ใช้อีกเรื่อยๆ ก็ปัดเฉพาะส่วนขนตาจริงเบาๆค่ะ 
เสร็จแว้วววว เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก แต่เสน่ห์ของผู้หญิงก็มีพลังเหลือร้ายกว่าอาวุธใดๆในโลก ฮ่าๆ อ้าวอยากสวยก็ต้องทำไป
4.เวลาดึงขนตาปลอมออก ควรเริ่มจากมุมด้านใดด้านนึงแล้วลอกออกเบาๆ เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา และหากขนตาคู่นั้นมีเศษกาว ก็ให้ใช้มือนั่นแหละค่ะดึงออก และเก็บขนตาไว้ในกล่องเหมือนเดิม หากขนตาคู่นั้นผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชนแล้ว แต่คุณก็ยังจะใช้งกใช้มันอยู่อีกแน่ะ เอาไปแช่น้ำอุ่นเลยค่ะ สัก 10 นาที จากนั้น เศษกาวและมาสคาร่าทั้งหลายจะอ่อนตัวง่ายต่อการดึงออก จากนั้นก็ขนตามาวางบนทิชชู่ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วใช้งานได้ต่อไป แต่คุณภาพขนตาก็จะลดลงด้วย แต่ขอเตือนก่อนว่า ขนตาปลอมเค้าก็มีอายุการใช้งานประมาณนึง การใช้ขนตาปลอมคู่เดียวกันนานๆอาจเป็นสาเหตุให้ดวงตาติดเชื้อได้นะคะ 
เบอร์นี้รักที่สุด จับช่อสวย หวานปนเซ็กซี่


เบอร์ 316




---------------------------->



สวยเป๊ะ จับช่อคมชัด    
ขนตาเบอร์ 146
เส้นไขว้ ดูเป็นธรรมชาติ





บางๆ เบาๆ
เบอร์ 501


ขนตาเบอร์ 508

Saturday, 10 March 2012

เทคนิค การกรีด อายไลเนอร์

สวัสดีค่ะสาวๆ เตรียมความสวยไว้รับหน้าร้อนกันรึยังเอ่ย อย่าตอบว่า ชั้นสวยอยู่แล้วไม่ต้องเตรียม เพราะคำตอบนี้เกรซจองแล้วค่ะ หัวข้อสำหรับวันนี้ถูกขอเข้ามาจาก เจ๊อร รุ่นพี่ของเกรซตอนเรียนอยู่ที่มช. อยากให้สอนวิธีเขียนขอบตา หากใครเคยอ่านหัวข้อ การแต่งตากลม แต่งตา V shape และ Smoky eye ที่เกรซเขียนไว้ ก็จะรู้ว่า การเขียนขอบตาสามารถทำได้หลายแบบ วันนี้เรามาลงรายละเอียดกันอีกสักนิดดีกว่า


กะอิแค่เขียนขอบตา จะอะไรกันนักหนา ใครคิดอย่างนี้ เขกหัวตัวเองหนึ่งที ปฏิบัติ!


การเขียนขอบตาสามารถกำหนดอารมณ์และความสวยงามของดวงตาโดยรวมได้นะคะ เช่น แต่งตาสโม้คกี้อายส์กลางวัน ระบายสีไล่ชั้นกันซะสวย แต่กรีดอายไลเนอร์เส้นใหญ่ทับซะนี่ แล้วหล่อนจะไล่สีเข้มไปอ่อนเป็นควันบุหรี่เพื่อ ??? ตอนเรียนแต่งหน้าครั้งแรก เกรซเคยโดนอาจารย์ถามแบบนี้เหมือนกัน
 เอาล่ะ ก่อนอื่นเด็กๆต้องรู้ก่อนนะจ๊ะ เราใช้อะไรเขียนขอบตาได้บ้าง
1.Eye pencil
ข้อดี ของการใช้ดินสอ คือ เขียนง่าย มือใหม่หัดเขียนอาจเริ่มด้วยการกรีดอายไลเนอร์แบบดินสอ ส่วนเนื้อของดินสอก็มีส่วนสำคัญ หากคุณเป็นคนหนังตามัน หรือมีกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกดินสอเขียนขอบตาแบบกันน้ำ จำพวก long lasting หรือ waterproof หรือ smudge proof ซึ่งเนื้อดินสอจะค่อนข้างเหนียว ไม่ค่อยเลอะ เหมาะแก่การเขียนเส้นไลเนอร์แบบคมๆ ส่วนอีกแบบที่นิยมกันคือ kohl pencil ซึ่งเนื้อดินสอจะนุ่มกว่า เกลี่ยง่าย ซึ่งเหมาะกับการเขียนเส้นไลเนอร์แบบไม่คม คือ เขียนเสร็จแล้วแตะอายแชโดว์เกลี่ยทับแล้วเบลนให้ฟุ้ง นิยมมากเวลาแต่งตาแบบสโม้คกี้อายส์ ซึ่งก็สวยน่าค้นหาไปอีกแบบ ข้อสำคัญ คือ คุณภาพของเนื้อดินสอ ควรจะดีในระดับนึง เพราะ ไม่งั้นพอตกบ่ายๆมันจะเริ่มไหลเหมือนลาวาจากภูเขาฟูจิ ทำให้คุณกลายเป็นแพนด้าได้ เคล็ดลับช่วยไม่ให้เนื้อดินสอมันไหลมากองใต้ตา เกรซเขียนไว้ในบทความก่อนๆ ไปหาอ่านเอาเอง หรือ แต่ถ้าเป็นงานกลางคืน ก็ไม่ต้องกังวลไป เราก็แอ๊บเป็นแต่งตาเทรนด์เลอะๆเบลอๆ ผู้ชายเค้าไม่พกกล้องจุลทรรศน์มาสำรวจเราหรอกค่ะ ทำหน้าตาให้ยั่วๆเข้าไว้เป็นพอ 
ยี่ห้อดินสอที่เกรซใช้แล้วดี สำหรับแบบกันน้ำ คือ Chanel โดนสามีด่า น้ำตาแตก เส้นไลเนอร์ยังเป๊ะเหมือนเดิม จะเอาแบบถูกเหรอคะ Maybeline master liner ก็ดีค่ะ แต่ไม่เท่า Chanel (ก้อแหงล่ะซ๊้) ส่วนดินสอแบบนุ่มเอาไว้เบลน อันนี้มีเยอะแยะในท้องตลาดค่ะ M.a.c kohl ก็ดีค่ะ เบลนง่ายสีสวย แต่ย้ำนะคะ แบบนุ่มมักเลอะง่าย อีกยี่ห้อนึงประทับใจมากเป็นแบรนด์ราคาย่อมเยาของฮอลแลนด์คือ Hema คิดเป็นเงินบาท ประมาณร้อยกว่าๆ อันนี้ก็เบลนง่ายแถมไม่ค่อยเลอะอีกต่างหาก
2. Gel liner
แบบนี้นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะได้เส้นที่คมกว่า แต่เป็นธรรมชาติ ลักษณะจะเป็นกระปุก ใช้คู่กับพู่กันกรีดอายไลเนอร์ การเขียนด้วยเจลต้องอาศัยความชำนาญพอควร ยี่ห้อที่ดีตีคู่กันมา คือ ของป้า Bobbi Brown กับ M.A.C บ๊อบบี้จะฝึดกว่าแต่ติดทนกว่า ส่วนแม็คจะลื่นกว่า ดังนั้นถ้าใช้แม็คต้องเดินอย่างระวังนะคะ เดี๋ยวลื่น ฮ่าๆ ถึงมุขแป๊กชั้นก็จะเล่น ทำไมย่ะ
3. Liquid liner 
คือแบบน้ำ ลักษณะมักเป็นขวดรีๆมีแปรงอันเล็กเหมือนไม้จิ้มฟันอยู่ข้างใน ข้อดีของแบบน้ำ คือ คมสุด ชัดสุด เหมาะกับการแต่งหน้าที่ต้องการความคมชัดของเส้นไลเนอร์ ประมาณ งานบนเวที เจ้าสาว เวลาถ่ายรูปออกมาดวงตาจะคมสวยเด้งเชียว แต่ข้อเสียคือ เขียนยาก หากมือสั่นเพราะหิวข้าว หรือ ตื่นเต้นผู้ชายจ้องหน้า เส้นก็จะยึกยือ และหากใช้ในการแต่งหน้ากลางวัน อาจทำให้คุณดูแก่หงักได้ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็นรูปแบบของหัวเมจิก ทำให้เขียนง่ายขึ้น ควรเลือกแบบด้าน จะดูเป็นธรรมชาติกว่าแบบมันวาว Mti ก็ดีค่ะ Covermark เป็นแบบเมจิก ก็ดีค่ะ
4. Cake liner 
คือ อายแชโดว์แบบเนื้อเค้ก วิธีใช้ โดยนำแปรงจุ่มน้ำแล้วแตะที่ cake liner แล้วกรีด แบบนี้จะเขียนง่าย ผิดพลาดน้อย และเป็นธรรมชาติ แต่ความคมจะไม่เท่าแบบเจลหรือแบบน้ำ แต่ก็สามารถเขียนแบบน้ำทับอีกทีได้ ถ้าใครไม่มี Cake liner ก็นำแปรงจุ่มน้ำและแตะสีอายแชโดว์แบบฝุ่นก็ได้ค่ะ แต่วิธีนี้ไม่อยากแนะนำมากเพราะ บางทีน้ำจะซึมเข้าเนื้ออายแชโดว์ทำให้อายแชโดว์เป็นคราบค่ะ Mti cake liner ใช้ดีมากค่ะ แถมยังใช้เขียนคิ้วได้อีกด้วย 


เคล็ดลับการเขียนขอบตาให้ได้เส้นสวย  
1.กระจก ถ้าถนัดยืนแต่งหน้ากับกระจกติดผนัง ควรเลือกกระจกที่ไม่มีชั้นวางหรืออะไรที่ยื่นออกมา เพราะ การเขียนขอบตา เราต้องเอาหน้าไปใกล้กับกระจกมากพอสมควร คนที่หน้าอกใหญ่จะรู้ดี ว่าการเอาใบหน้าเข้าไปใกล้กระจกมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะติดช่วงลำตัว ฮ่าๆ หรือ ใครที่ถนัดนั่งแต่งหน้า ควรมีกระจกแบบตั้งโต๊ะ วางบนโต๊ะเครื่องแป้งอีกอันนึง จะช่วยให้การกรีดอายไลเนอร์และติดขนตาทำได้ง่ายขึ้น
2. หลับตาข้างที่จะกรีดอายไลเนอร์ แล้วใช้นิ้วดึงหางตาไปด้านข้างให้ตึง จากนั้นก็เริ่มเขียน อาจเริ่มจากหัวก่อนหรือหางก่อน ก็แล้วแต่ถนัดค่ะ โดยปกติเราสามารถเขียนให้ส่วนหางหนากว่าส่วนหัวเล็กน้อย จากนั้นใช้นิ้วมือยกหนังตาบริเวณใต้คิ้วขึ้นและลองหลับตาดู หากเห็นบริเวณแนวชิดขนตายังมีที่ว่างอยู่ก็เติมอายไลเนอร์ลงไปอีก
เส้นขนาดไหนถึงจะสวย
1.อันนี้แล้วแต่รูปแบบการแต่งหน้า และกาลเทศะค่ะ 
- แต่งหน้าการแสดงบนเวที แต่งหน้ากลางคืน เส้นไลเนอร์ก็ควรจะใหญ่และชัดกว่าปกติค่ะ หรือ คืนนี้จะไปแดนซ์ ไปปาร์ตี้ อันนี้แต่งเต็มที่ค่ะ อยากทำอะไรทำไปไม่ต้องยั้ง




2.แต่งหน้ากลางวัน ความเห็นส่วนตัวของเกรซ คือ
-ถ้ารูปตาสวยอยู่แล้ว หรือติดขนตาหวานแหวว จุดขายของเราคือ ขนตาและสีสันเปลือกตา กรีดอายไลเนอร์เส้นเล็กชิดขอบตา จะสวยกว่าค่ะ จะได้เห็นรายละเอียดเส้นขนตาด้วย หวานกว่า
-อยากดู sexy ก็อาจจะกรีดอายไลเนอร์ให้ส่วนหางหนาและยกทะแยงขึ้น เพื่อให้ดวงตาดูโฉบเฉี่ยว แต่ระวัง การลงสีอายแชโดว์อย่าหนักมือมาก เพราะจาก sexy อาจกลายเป็น ดุดันอั้นฉี่ ได้
-สำหรับคนดวงตาเล็ก การแต่งหน้าแบบ smoky eye จะทำให้ตาโตขึ้นจริง แต่ไม่จำเป็นต้องกรีดอายไลเนอร์เส้นใหญ่มาก เกรซเห็นสาวหมวยส่วนใหญ่ชอบกรีดอายไลเนอร์ขนาด 0.5 มม.ลากยาวแล้วตวัดหางขึ้น แล้วไม่ทาอายแชโดว์ด้วยแน่ะ ถ้าหากบุคลิกเป็นสาวเปรี้ยว โอเคก็พอได้ แต่ถ้าเป็นสาวหวานแล้วกรีดอายไลเนอร์แบบนั้น เกรซว่ามันขัดๆอ่ะ คือ การกรีดอายไลเนอร์ที่ยาวและตวัดขึ้นจะเป็นการดึงตาของคุณให้ยิ่งเล็กรีไปอีก จริงๆแล้ว สาวตาเล็กควรจะแต่งตากลมแบบสโม้คกี้ (ตากลม คืออะไร เข้าไปอ่านบทความเก่าๆค่ะ) จากนั้นกรีดอายไลเนอร์ให้ส่วนหัวเล็ก ส่วนปลายหนาขึ้นแต่ไม่ยาว ไม่ทะแยง จากนั้นติดขนตาเข้าไป เขียนขอบตาล่างและแตะอายแชโดว์เกลี่ยเป็นเงาขอบตาล่าง แค่นั้นแหละ เป๊ะ
3.สำหรับ ขอบตาล่าง ควรเขียนรึป่าว อันนี้ก็แล้วแต่รูปแบบของการแต่งหน้าค่ะ ส่วนข้อแนะนำคือ
- ถ้าอดนอน ขอบตาคล้ำ การเขียนขอบตาล่างจะทำให้ตาดูคล้ำขึ้นอีก
- ควรลากจากหางตามาถึงกึ่งกลางตาดำ น้ำหนักสีโดยปกติจะน้อยกว่าขอบตาบน ส่วนหัวตาก็แตะชิมเมอร์นิดๆให้ดวงตาดูสดใส หรือถ้าคุณจะแต่งแบบสโม้คกี้ สวยลึกลับเป็นนางแมวสาว ก็เขียนขอบตาดำจากหางจรดหัวตาได้เลยค่ะ ถ้ากรีดอย่างนั้นแล้วหน้าดุไป ก็ใช้อายแชโดว์สีธรรมชาติหรือสีเทา แตะๆแล้วเบลนให้ละมุนขึ้นก็ได้ค่ะ ย้ำกันอีกครั้ง ถ้าแต่งตาเต็ม ส่วนอื่นๆควรจะดร็อปลงนะคะ


4. การเขียนเส้น waterline เส้น waterline คือ เส้นใต้แนวขนตาบน และ เส้นขอบตาด้านในสำหรับตาล่าง ดาราฮอลีวู้ด ที่แต่งหน้าอ่อนๆไม่เขียนเส้นขอบตา มักใช้ดินสอเขียนขอบตากันน้ำ เขียนเส้นใต้แนวขนตาบน ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูคมสดใส โดยไม่มีใครจับพิรุธได้ว่า นางเขียนขอบตา ส่วนการเขียน waterline ตาล่าง จะช่วยเน้นขอบตาให้คมชัดขึ้นไปอีก ข้อควรระวังคือ คุณภาพของดินสอควรจะดี และคุณไม่ระคายเคือง เพราะถ้าตาอักเสบขึ้นมา ก็ไม่คุ้ม จริงป่ะ
วันนี้รู้สึกจะพูดเยอะเกินไปรึป่าว อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ ลองหัดกรีดอายไลเนอร์หลายๆแบบ หลายๆสี การแต่งหน้าคือศิลปะ ไม่มีผิดถูก อย่าเชื่อแต่กูรู แต่ต้องมั่นใจว่า กูรู้ ลองเลือกแบบที่เป็นตัวเองดู แล้วจะพบความสวย ที่ซ่อนอยู่ ในตัวคุณ อ๊ะคล้องจองด้วยอ่ะ 
ครั้งต่อไป เรามาพูดถึงวิธีติดขนตาปลอมกันดีมั้ยค่ะ แล้วเจอกันค่ะ









Wednesday, 7 March 2012

Review Tell me sport oil control spf 20

Tell me that you love me ม่ายช่าย  ที่เกรซกำลังจะพูดถึงคือ แป้งเท็ลมี แป้งที่มีขายตั้งแต่สมัยคุณย่าคุณยายและขายมาจนปัจจุบันนี้  มันต้องมีอะไรดีสิน่า ถึงทำให้แป้งยี่ห้อบ้านๆ อยู่ครองใจคนไทยมานานแสนนานเคียงคู่สบู่พฤกษานกแก้ว ก้อนสีเขียว
เป็นความบังเอิญค่ะ วันนึงคุณแม่ของดิฉัน นางโทรมาบอกว่า แป้งหมด อ้าว เราก็กลัวแม่เราจะไม่สวยก็รีบไปมองหาแป้งผสมรองพื้นมาให้นาง พอดีเดินผ่านเคานเตอร์เท็ลมีกำลังลดราคา ลองป้ายๆดูที่แขน เออเนียนดี ก็เลยสอยมาซะเลย ราคารวมตลับด้วยก็ สีร้อยกว่าบาท ราคากำลังดีสำหรับสตรีวัยหกสิบกว่า หลังจากส่งไปรษณีย์ไปให้นางใช้ได้ประมาณอาทิตย์นึง นางโทรมาบอกว่าใช้ดีมาก ชอบมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันอยากจะลองบ้างว่า จะเป็นเยี่ยงไร เพราะปกติคุณแม่ดิฉันเป็นคนไม่ค่อยชื่นชมอะไรง่ายๆ
รุ่นที่ เกรซซื้อฝากแม่ คือ Tell me sport nourishing สำหรับ ผิวแห้ง ส่วนเกรซเลือกลอง Tell me sport oil control เพราะเป็นคนผิวผสม บีเอบอกว่า ควบคุมความมันและใช้แล้วหน้าไม่หมอง หน้าไม่เป็นคราบ จริงเหรอยะ เมาท์มอยอยากขายของรึป่าว
เกรซเลือกใช้ สี N 7 เพราะคนขายบอกว่า สีนี้ใช้ได้กับทุกสีผิว สีแป้งเวลามองในตลับจะดูเข้มแต่ทาแล้วไม่เข้มอ่ะ ออกจะขาวไปด้วยซ้ำ ผลลัพท์ที่ได้เป็นดังนี้ค่ะ
การปกปิด ถือว่าดีเลย เกรซแตะแป้งทั่วใบหน้าแล้วเกลี่ย ไม่ได้ลงหนา แต่เนื้อแป้งสามารถปกปิด รอยดำ  รอยกระได้ประมาณ 80เปอร์เซ็นต์  อย่างที่รู้กันว่า แป้งผสมรองพื้นจะให้การปกปิดไม่เท่ารองพื้นแบบครีมนะคะ ปกปิดรอยดำ ฝ้า กระ ได้ขนาดนี้ถือว่าดีมากแล้ว แล้วทำไมไม่ทาหนาให้มันปกปิดมากกว่านี้แหละ อันนี้แล้วแต่ความชอบค่ะ แต่เกรซคิดว่า แป้งผสมรองพื้น ถ้าทาหน้าแล้วมันดูหนาๆโบ๊ะๆอ่ะ ไม่เอาดีกว่า แต่ถ้าใครชอบทาหนา ก็แล้วแต่ค่ะ ไม่ว่ากัน
การกระจายแสง เหมือนแป้งผสมรองพื้นทั่วไป แต่แป้งยี่ห้อนี่ทาแล้วหน้าไม่หมอง เนียนดีค่ะ แต่จะให้กระจายแสงเท่า รองพื้นเหลว Dior nude หรือ Lancome teint miracle  ก็คงไม่
ควบคุมความมัน ดีค่ะ ก็ยังต้องใช้กระดาษซับมันระหว่างวันอยู่ แต่น้อย เวลาหน้ามันแป้งตัวนี้จะช่วยดูดซับ และหน้าไม่เป็นคราบแป้ง ซึ่งต่างจากแป้งราคาแพงกว่า อย่าง M.a.c  หรือถ้าใครเคยใช้ sheene oil free ตบทีเดียวอยู่ แป้งตัวนี้จะควบคุมความมันได้ดีประมาณนั้น แต่จะปกปิดได้ดีกว่า
ความเนียน เนียนค่ะ ผ่าน
ราคา ถูกมากจนอยากให้ทิป คิคิ ราคาถูกเมื่อเทียบกับคุณภาพค่ะ
เทียบกับ Estee double wear ลูกรักของดิฉันล่ะ อย่าเอามาเทียบกันดีกว่า เอาเป็นว่า วันไหนตื่นสาย รีบร้อน เกรซก็จะลงเท็ลมีเลย เอาอยูู่ค่ะ แต่วันอื่นๆก็ใช้รองพื้นเหลวลูกรักเหมือนเดิม
สรุปว่า ถ้าใครชอบใช้แป้งผสมรองพื้น ก็น่าลองดูนะคะ ของแพงถ้าดี ก็น่าซื้อ ของถูกถ้าดี ก็น่าคบค่ะ Tell me Tell me เติมแต่ง แต้มสีแห่งเสรี เท็ลมี หลากสี สีหลากอารมณ์ ไม่น่าเชื่อว่าดิฉันยังจำเพลงนี้ได้ติดหู ร้องตามตั้งแต่เด็ก มิน่าล่ะ โตมาถึงได้ลั้นลาแบบนี้
ทาเท็ลมี เนียนดี ราคาถูก












Sunday, 4 March 2012

Review Covermark brightage milky foundation UV JQ

ไหน ก็รีวิวถึง Covermark แล้ว ก็ขอพูดถึงรองพื้นอีกตัวนึงเลยดีกว่า นั่นคือ Brightage Milky Foundation UV JQ รองพื้นชนิดน้ำนม ผสมสารกันแดด SPF 20 


จริงแล้วเกรซไม่ได้ตั้งใจซื้้อหรอกค่ะ แต่อยากเพิ่มยอดเพื่อรับของแถม บีเอเลยแนะนำตัวนี้มาให้ ซึ่งนางบอกว่า เป็นรองพื้นที่เนื้อบางเบา เหมาะกับคนที่ผิวสวยอยู่แล้วอย่างเรา พอโดนชมเข้าหน่อย คนบ้ายอ อย่างดิฉัน ก็ตกเป็นเหยื่อของบีเอจิ้งจอกพันหน้าเข้าจนได้
ว่าแล้วก็มาลองกัน ที่บอกเป็นชนิดน้ำนม ก็คือชนิดน้ำนั้นเอง ทาแล้วเนียนติดผิวไปเลยค่ะ เกรซใช้แปรงเกลี่ย ก็เกลี่ยได้ง่ายมาก แต่ต้องรีบเกลี่ยเพราะแห้งไว ความรู้สึกหลังการใช้เหมือนทาโลชั่นแล้วมันซึมเข้าสู่ผิว จากนั้นก็ตบแป้งฝุ่นทับลงไป ผลลัพท์ที่ได้คือ เบาหน้ามาก เหมือนไม่ได้ทาแป้ง แต่หน้าเราจะดูเปล่งปลั่งขึ้น เพียงแต่ว่า รองพื้นตัวนี้ไม่ได้ช่วยปกปิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ ใดๆบนใบหน้าของดิฉันเลย เนื่องจากว่า เดิมเกรซเป็นคนผิวขาวแต่อยากผิวสีแทน ก็เลยอาบแดดบ่อย จนรอยกระที่มีอยู่แต่อ้อนแต่ออก เข้มขึ้นมาก ดังนั้นเมื่อทารองพื้นตัวนี้ไป ก็ยังเห็นรอยกระชัดเหมือนเดิม เพียงแต่หน้าดูสดใสขึ้น ถ้าใครกำลังมองหารองพื้นที่ช่วยปกปิดจุดด่างดำ ก็มองข้ามตัวนี้ไปได้เลยค่ะ มุมมองของคนในแต่ละทวีปต่างกัน โซนยุโรปมองว่า ผิวสีแทนคือสวย รอยกระทำให้ผู้หญิงดูมีเสน่ห์ อ่ะ แต่คนเอเซียเรา ต้องขาวเข้าไว้ ใครมีฝ้า กระ ไม่เริ่ด ก็แล้วแต่จะมองกันไป โดยส่วนตัวเกรซว่า จะผิวสีไหนก็สวยได้ เพียงแต่อย่าปล่อยให้หน้าโล้น คือ ใบหน้าควรจะมีสีเลือดฝาดบ้างรัยบ้าง ส่วนใครที่กำลังมองหารองพื้นที่เผยให้เห็นผิวจริง หรือ มอยเจอร์ไรเซอร์แบบมีสี เบาสบายเหมือนไม่ได้ลงรองพื้น แอ๊บผู้ชายว่าไม่ได้ทาแป้ง ก็น่าจะสอยมาลองกัน และรองพื้นตัวนี้ยังมีค่า spf 20 แถมมาให้อีกต่างหาก หรือใครที่ทาเฉพาะแป้งผสมรองพื้น แต่คิดว่ามันบางไป ก็อาจใช้รองพื้นน้ำนมตัวนี้ลงก่อนและตามด้วยแป้งผสมรองพื้น เพื่อการปกปิดที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องราคา 600 บาท ปริมาณ 30 ml. ถือว่าไม่แพงเลยนะคะ ความเห็นส่วนตัว เกรซ กะจะใช้ตัวนี้ทาในวันว่างอยู่บ้าน วันเบาๆ ไม่แต่งหน้ามาก (มีด้วยเหรอ) ครั้งหน้าจะเป็นรีวิว ผลิตภัณฑ์อะไร คอยติดตามกันนะคะ
รองพื้นบางเบา แต่ไม่ปกปิด



Review Covermark extra formula รองพื้นในดวงใจของใครหลายคน

ถ้าใครเคยอ่านบทความของเกรซมาก่อนจะรู้ว่า เกรซชอบใช้รองพื้นเหลวกับแป้งฝุ่นมากกว่าแป้งผสมรองพื้น ตัวรองพื้นที่เกรซชอบที่สุดเห็นจะเป็น estee lauder double wear stay in place make up เพราะ มันดีสมชื่อ คือ stay in place และ เนียนใส ทาตอนเช้าอยู่ได้ถึงดึก ปกปิดปานกลางถึงสูงสุดขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้และวิธีเกลี่ย เพียงแต่สีที่มีจำหน่ายมีให้เลือกค่อนข้างน้อยในเมืองไทย และอีกตัวนึงที่ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ คือ Covermark extra formula รองพื้นที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนียนขั้นเทพ ใช้แต่งหน้าเจ้าสาวที่เริ่ดมาก คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า รองพื้น covermark เนื้อหนา จริงๆแล้วเค้ามีหลายรุ่นตั้งแต่ราคา สามร้อย จนถึง สี่พัน รุ่นราคาถูก เค้าก็ใช้ดีค่ะกันน้ำ กันแดด ปกปิดดีมาก แต่จะหนักหน้าเล็กน้อย เหมาะกับ งานแห่เทียนพรรษา สงกรานต์เชียงใหม่ กีฬาสีของโรงเรียน สปอร์ตเดย์ ปาร์ตี้ หรือโอกาสที่คุณอยากจะบอกให้โลกรู้ว่า ชั้นแต่งหน้าและทาแป้งนะ คือ ตัวรองพื้นค่อนข้างหนากรุบกริบ ส่วนตัวเจ้า extra formula ที่เกรซกำลังจะพูดถึงเนี่ย คือรุ่นแพงสุด (เกือบสี่พัน) เรามาดูกันค่ะว่า อะไรคือความแตกต่าง จะแพงมากแพงมายไปไหนยะ


ปริมาณ 20 กรัม กับราคา 3800 ถือว่า แพงมากมายในตลาดเครื่องสำอางค์บ้านเรา คิดเอาเองว่า ส่วนนึงคงเป็นเพราะเป็นสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นหรือป่าว และอีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องคุณภาพด้วย เกรซเองถ้าเป็นราคาเต็มอย่าหวังว่าจะได้เงินจากกระเป๋าดิฉันเลยค่ะ อันเนี่ยซื้อของลดราคา อิอิ
เนื้อรองพื้นเป็น Emulsion คือ เป็นน้ำ กับ น้ำมันผสมกัน ทำให้เนียนบางเหมือนรองพื้นน้ำ แต่ปกปิดได้เหมือนรองพื้นครีม บางคนได้ยินคำว่า น้ำมัน จะคิดว่ามันทำให้หน้ามัน แต่เปล่าเลยค่ะ มันไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น แถมเวลาเหงื่อออก หน้าจะดูเนียนใส และ ผิวดูมีสุขภาพดี ไม่ได้เวอร์นะคะ คือ ยี่ห้อเนี่ยแปลกอยู่อย่างนึงคือ พอทาเสร็จจะรู้สึกเฉยๆ แต่พอสักพักนึง รองพื้นและแป้งจะเนียนติดไปกับผิวเหมือนคนผิวดีตามธรรมชาติ แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือ ต้องเกลี่ยโดยใช้ฟองน้ำให้ดีเพราะ ไม่งั้นรองพื้นจะไปกองเป็นคราบอยู่ที่ใดที่นึงค่ะ และถ้าหากคุณคิดจะใช้รองพื้นรุ่นนี้แต่งหน้า ก็ควรจะหาซื้อฟองน้ำคุณภาพดี ประมาณ beauty blender ไข่ไก่มหัศจรรย์ ที่ไม่ดูดรองพื้นเข้าไปในฟัฟท์ด้วย เพราะแทนที่รองพื้นจะได้อยู่บนใบหน้า กลับเข้าไปดูในฟองน้ำซะนี่ กรรม
สีที่เกรซซื้อมา เป็นสี 05 ซึ่งเป็นสีออกเนื้อ เพราะเป็นคนไม่ชอบให้หน้าขาว ชอบให้หน้าเนียนๆมากกว่า ถ้าจะให้สวยครบสูตร ก็ต้องใช้ connecting base หรือ เบสอื่นๆของเค้าลงก่อนจะทำให้หน้ายิ่งผ่องเด้งขึ้นไปอีก วันนี้เกรซลองแบบไม่ทาเบส เพราะอยากรู้ว่า โดยตัวรองพื้นเอง ประสิทธิภาพของมันจะดีแค่ไหน ซึ่งผลลัพท์ สรุปได้ดังนี้
ปกปิดจุดด่างดำ   ดีมาก แต่ดูไม่หนา
รองพื้นเนียนติดไปกับผิวหน้าเลย ทำให้ดูเหมือนเราเป็นคนผิวดีมีสกุลรุนชาติอยู่ก่อนแล้ว
ไม่ทำให้หน้ามัน แต่ก็ไม่ได้ดูดซับความมันมากมาย ส่วนเหงื่อ ยิ่งมีเหงื่อออก ผิวยิ่งดูสวยค่ะ
ให้เทียบกับ estee lauder double wear ลูกรักของดิฉันเหรอคะ
การปกปิด ทำได้ดีเท่ากัน แต่ถ้าใช้ปริมาณเท่ากัน Estee  จะดูหนากว่า
ความทน พอๆกัน ถึกทัังคู่
ความเนียนใส ต้องตอบว่า คนละแบบ  Estee เนียนใสแบบ เนียนกริบ ใช้เยอะก็จะดูเยอะ Covermark extra formula จะ เนียนใส แบบ มีน้ำหล่อเลี้ยง ใช้เยอะแต่ดูเหมือนไม่เยอะ
ราคา Estee ชนะขาด พันกว่าบาท ปริมาณ มากกว่าไปอีก 10 ml.

สรุปว่า ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน โลดแล่นแก่นเฟี้ยว  เกรซใช้ estee ถ้าในโอกาสพิเศษ แฟนพาไปดินเนอร์ภัตตาคาร 5 ดาว สังสรรค์กับเพื่อนสาวที่สวยกว่าเรา(เป็นไปได้ด้วยหรือ ฮ่าๆ) วันแต่งงาน(ถ้ามี) จะใช้ covermark ค่ะ

จบการรีวิว สำหรับ Covermark extra formula กับผลลัพท์ที่ดีสมราคา "You get what you paid for" จริงๆ

สวัสดีค่ะ

Wednesday, 29 February 2012

ผมหงอก แก้ได้หรือไม่ อย่างไร

สวัสดีค่าเพื่อนหญิงชาย เกรซห่างหายจากBlog ไปประมาณสองเดือนเพราะต้องโยกย้ายสำมะโนครัว โน่น นี่ นั่น แต่ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับหัวข้อที่เป็นปัญหาของใครหลายๆคน นั่นคือ  ผมหงอก 
ผมหงอก คืออะไร ต้องอธิบายมั้ยอ่ะ ไม่ต้องใช่มะ
ผมหงอก เกิดจากอะไรกันเนี่ย นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถค้นหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่ส่วนใหญ่มักพบจาก พันธุกรรม ความเครียด การสูบบุหรี่ ความเจ็บป่วย ความชรา หากเราสามารถสันนิษฐานถึงสาเหตุได้ ก็จะสามารถหาวิธีรับมือได้ถูกทาง เช่น
พันธุกรรม อันนี้ต้องทำใจค่ะ บางคนมีหงอกตั้งแต่เด็กเลย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ก็คงจะชินแล้วแหละ ฮ่าๆ
ความเครียด อันนี้ ก็ควรปรับนิสัย อารมณ์ และปล่อยวางบ้าง อย่างเกรซ หงอกเริ่มขึ้นตอนทำงานอยู่ที่ศาล แต่หลังจากลาออกแล้ว ไม่ค่อยเครียด หงอกก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่จากไปไหน 
การสูบบุหรี่ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซืึงเป็นสาเหตุของความแก่ไปทั่วร่าง
ความเจ็บป่วย เช่น โรคหัวใจ โรคต่อมไทรอยด์ โรคซีด โรคระบบสืบพันธุ์ โรคกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ อันนี้หากรักษาโรคจนหาย ผมหงอกจะค่อยๆลดน้อยลง
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ผมหงอกก็ทำให้ใครหลายคนขาดความมั่นใจ แล้วทำอย่างไรดีล่ะ
1. ถอน
 เป็นงัยล่ะโดนเด็กเมื่อวานซืนถอนหงอก? ไม่ใช่อย่างงั้น การถอนไม่ได้ทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้มีผมคัน แต่อาจทำให้ผมบางได้ค่ะ ดังนั้น ไม่แนะนำวิธีนี้ แต่ถ้ามีคนมีจ้างให้เราถอนหงอกให้ อันนี้ก็ไม่ควรปฏิเสธ เงิน นะคะ เงิน 
2. ย้อม 
เป็นวิธีที่ง่าย แต่ข้อควรระวังคือ
- อาการแพ้จากสารเคมีที่ย้อม รวมถึง ผมแห้ง เสีย ร้ายไปกว่านั้น ยาย้อมผมอาจมีสารก่อมะเร็ง ไม่ต้องทำหน้าตกใจค่ะ หมูปิ้ง ไก่ย่าง ก็มีสารก่อมะเร็งค่ะ แล้วคุณยังกินอยู่มั้ยคะ กิน
- หากคุณคิดจะใช้สีเข้มย้อมหงอก หากภายหลังคุณคิดจะเปลี่ยนสีผมให้อ่อนลง จะเป็นการยาก อาจทำให้สีผมไม่สม่ำเสมอได้ หรือถ้าต้องฟอกเอาสีเข้มออกก่อนทำสี เส้นผมของคุณก็จะแห้งเสียไม่ต่างอะไร กับฟางข้าวบาร์เร่ต์
- ทุกๆสองถึงสามสัปดาห์คุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างผมที่ย้อม กับผมหงอกที่เพิ่งงอกยาว อย่างชัดเจน คุณจึงต้องย้อมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ร่ำไป
3. เคลือบสี อ๊ะ อะไร
เคลือบสี คือการใช้ครีมจำพวกแวกซ์ อบไอน้ำให้ยึดเกาะกับเส้นผม สำหรับผมหงอก นิยมใช้แวกซ์สีน้ำตาล หรือดำ เคลือบผม ข้อดี ของการเคลือบสี คือ ผมไม่เสีย แถมยังเพิ่มน้ำหนักให้แก่เส้นผม และมีประกายเงางาม แต่ ข้อเสียคือ จะค่อยๆหลุดทุกครั้งที่สระผม อยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 5-20 ครั้งแชมพู อันนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลและผลิตภัณฑ์ และข้อเสียที่มากไปกว่านั้นคือ ถ้าคุณใช้แวกซ์ดี จะแพงมาก เกรซเคยเข้าไปถามราคา สำหรับผมยาวของตัวเอง 2000 บาท oh my god อ้อ เกือบลืมข้อควรระวังอีกอย่างนึง ถ้าคุณใช้แวกซ์สีเคลือบผม เวลาเหงื่อออก ฝนตกโดนเส้นผม มันจะหลุดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าได้
4. เฮนน่า 
หากคุณตั้งปณิธานไว้ว่า ชาตินี้ดิฉันจะไม่ทำสีผมแฟชั่น เฮนน่าก็เป็นทางออกที่ดีอย่างนึง เพราะ เฮนน่าสกัดมาจากเปลือกไม้ มาจากธรรมชาติ ไม่ค่อยมีคนแพ้ และเฮนน่ายังทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก เงางามอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณควรเลือก เฮนน่าชนิดผงจากธรรมชาติ 100% มาผสมน้ำมะนาวและน้ำชา กะเอาเอง เคล็ดลับที่เกรซรู้มาคือ หากต้องการให้มีประการสีทอง ให้บีบน้ำส้มไซเดอร์ลงไป ต้องการให้มีประกายสีน้ำตาล ให้ผสมน้ำกาแฟ ต้องการให้มีประกายสีแดงให้ผสมเหล้าคอนยัค ต้องการให้สีผมออกน้ำเงิน ผสม น้ำดอกอัญชัญ แต่ข้อเสียของเฮนน่า คือ คุณต้องใช้เวลาหมักไว้บนศีรษะประมาณ 8 ชั่วโมง และหลังจากทำ เส้นผมจะดูด้านๆประมาณสองสามวันจากนั้นจึงจะเริ่มเป็นประกายเงางาม และเฮนน่าจะค่อยๆหลุดเหมือนการเคลือบผม คุณต้องทำซ้ำ และหากคุณทำเฮนน่าบ่อยๆ ในภายหลังการย้อมสีผมแฟชั่นจะทำได้ยาก
5.ทำไฮไลท์
การทำไฮไลท์ช่อเล็กๆสลับสีไปมาทั่วศีรษะ ก็ทำให้ศีรษะที่มีผมหงอก ดูดีขึ้น เพราะผมหงอกกับไฮไลท์จะคล้ายคลึงกัน และทำให้หน้าดูสว่างใสขึ้นด้วย แต่มีข้อจำกัดอยู่ที หากคุณมีอายุมากแล้ว หรือ ทำงานในสายงานที่ค่อนข้างสุภาพ ไฮไลท์อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก และที่สำคัญ คือ ผมเสียแบบกู่ไม่กลับเลยจ้า
6. สมุนไพร 
เจอสูตรที่คนโบราณเค้าบอกไว้คือ ให้คั้นน้ำใบบัวบกมาตั้งไฟเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว หมักผม หรือ ใช้มะกรูดเผาไฟสระผม หรือถ้าเอาสะดวก ก็ลองหาแชมพูสมุนไพรมาลองใช้ดู อาจจะได้ผลดีก็ได้นะคะ
7. อาหารเสริม
การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ก็มีส่วนช่วยเสริมสร้างเส้นผมให้มีสุขภาพดีได้ค่ะ อาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม คือจำพวก ถั่วต่างๆ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด  อาหารทะเล ผักใบเขียวเข้ม ฟักทอง งา สาหร่าย นอกจากนี้ รับประทาน วิตามิน B รวม ชนิดเม็ดและไบโอติน ด้วยค่ะ
จากประสบการณ์ของตัวเอง คิดว่าทำมาหมดแล้วทุกสิ่งอย่างอัน ไม่มีวิธีไหนที่แก้ปัญหาผมหงอกได้อย่างถาวร แต่ชอบวิธี เฮนน่า ควบคู่กับ ทานอาหารเสริม มากที่สุด สรุปว่า หากเรามีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่ดี และทานอาหารเสริม มันจะทำให้สุขภาพผมดีขึ้น แม้จะเป็นผมหงอก แต่ก็เงางาม โอเค มั้ยคะ
เคล็ดลับ เล็กๆน้อยๆของเกรซ หากมีผมหงอกบริเวณไรผม หรือ กลางศีรษะตรงที่แสก คุณสามารถนำมาสคาร่าสีดำ หรือน้ำตาลที่สีใกล้เคียงกับสีผม ป้ายเลยค่ะ เท่านี้ก็ปกปิดความชั่วร้ายได้แล้วค่ะ และกรุณาเตือนสติตัวเองว่า เวลาเขินอาย อย่าเอามือเสยผม มิฉะนั้น มันอาจเลอะมือและลุกลามมาถึงใบหน้าได้ 
อย่าลืมว่า การมีบุคลิกที่ดี ร่าเริงแจ่มใส และมีอารมณ์ขัน มันสามารถทำให้่เราดูดีได้ ผมหงอกอาจจะไม่ใช่ปัญหา หากว่าใจของคุณไม่หงอกไปด้วย คมมั้ยค่ะฮ่าๆ ขอบคุณข้อมูลดีๆจากนิตยสาร ชีวจิต ขอบคุณคุณแม่ที่มอบผมหงอกทางพันธุกรรมให้ ขอบคุณความเครียดที่ทำให้ผมหงอกเยอะขึ้นไปอีก และที่ลึมไม่ได้ ขอบคุณผู้ติดตามที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบทความของเกรซทุกคนค่ะ