Thursday, 3 May 2012

Review L'oreal Hair spa Vs Lolane Natura Hair Treatment

ผมแห้งเสีย ผมแตกปลาย ผมขาดน้ำหนัก และผมขาดหลุดร่วง เป็นปัญหาที่สาวๆหลายคนกำลังประสบพบเจอกันอยู่ สาเหตุคงไม่ต้องพูดถึงใช่มั้ยคะ เรามาดูวิธีแก้กันดีกว่า
วิธีแก้ไขที่ปลายเหตุ รวดเร็ว และได้ผล คือ ตัดค่ะ การตัดผมหรือเล็มปลายผมทุกๆ 6 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลายแล้ว ยังทำให้เส้นผมของเราไม่ค่อยพันกัน จัดทรงได้ง่ายขึ้น สุขภาพผมดีขึ้น
ส่วนวิธีแก้ไขปัญหาระยะยาว อีกทางเลือกนึง คือ การดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงอย่างล้ำลึก เช่น ทรีทเมนต์ หรือ ครีมอบไอน้ำ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายๆคนพูดถึงในเว็บไซด์ความงาม รวมถึงกระทู้ในพันทิป คงหนีไม่พ้นสองตัวนี้แน่ๆ นั่นคือ L'oreal hair spa และ Lolane Natura Hair Treatment  วันนี้เกรซเลยจะขอพูดรายละเอียดว่า ทรีตเมนต์เหล่านี้มีข้อดีอย่างไร และ ข้อแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์สองตัวนี้คืออะไร มาเริ่มกันที่
L'oreal Hair Spa ซึ่งมีสองสูตร Nourishing Creambath สำหรับผมแห้งเสีย และ Repairing Creambath สำหรับผมอ่อนแอ แห้งเสียมาก ตัวกระปุก ปริมาณ 500 ml. สีฟ้า แบบนี้


วิธีใช้ตามฉลาก คือ ใช้หลังสระโดยผสมกับทรีทเมนต์เข้มข้นอีกตัวนึงแล้วนวดให้ทั่วเส้นผมรวมถึงหนังศีรษะ จากนั้นก็อบไอน้ำหรือคลุมด้วยผ้าขนหนูอุ่นๆ ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก สำหรับเกรซเลือกใช้ สูตร Nourishing Creambath เพราะสภาพผมไม่ได้เสียหายยับเยินอะไรมากมาย โดยใช้เดี่ยวๆไม่ได้ผสมทรีทเมนต์เข้มข้นอีก ลองมาทั้งแบบ หมักไว้เฉยๆ อบไอน้ำที่ร้าน อบไอน้ำด้วยตัวเองโดย ใช้หมวกคลุมผมอาบน้ำห่อด้วยผ้าขนหนูหมาดแล้วใช้ไดร์เป่า ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ก็ออกมาใกล้เคียงกันค่ะ แต่การอบไอน้ำเกรซรู้สึกเหมือนกับว่าผมจะนุ่มขึ้นอีกนิดนึง ข้อดีของตัว hair spa คือ บำรุงทั้งเส้นผม และหนังศีรษะค่ะ รู้สึกได้เลยว่าผมมีน้ำหนักขึ้น ชุ่มชื้น สปริงตัวดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราเคลือบแว๊กใสอ่ะค่ะ ผมเงางามดีด้วย แต่ในเรื่องของความนิ่ม ก็นิ่มนะคะแต่ เกรซให้คะแนน Lolane มากกว่าค่ะ โดยปกติเวลาเราใช้ครีมนวดผม เส้นผมของเราจะชุ่มชื้นเพียงระยะสั้นๆ แต่ทรีทเมนต์ตัวนี้ เกรซรู้สึกว่าเส้นผมยังคงความชุ่มชื้นจนถึงการสระครั้งต่อไป (3 วัน) ไม่รู้คนอื่นๆจะรู้สึกเหมือนกันรึป่าว 
Lolane Natura Hair Treatment ซึ่งก็มีหลายสูตร แล้วแต่สภาพผมของแต่ละบุคคล เกรซเลือกลอง   สูตร  Jojoba Oil & Silk Protein สำหรับผมแห้งเสีย ชี้ฟู ไร้น้ำหนักค่ะ


วิธีใช้ตามฉลาก ดูเหมือนจะง่ายกว่าตัว Hair spa คือ ใช้หมักผมหลังสระ ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก หากต้องการผลลัพท์ที่ดีขึ้น ก็ควรใช้อบด้วยไอน้ำ ความประทับใจแรก คือ ถูก และเร็ว  สามารถใช้แทนครีมนวดผมได้เลย หลังจากล้างออก สิ่งที่เกรซสัมผัสได้เลย คือ ผมนุ่มขึ้นมาก มากกว่าตัว Hair spa หลังจากไดร์ให้แห้งแล้ว สังเกตได้ว่า เส้นผมจะเรียบตรง ไม่ชี้ฟู อันนี้คือข้อดีค่ะ แต่ในเรื่องของ ความเงางาม ผมมีน้ำหนัก และความสปริงตัวของเส้นผม เกรซใช้เครดิต ตัว Hair spa มากกว่านะ หลังการใช้ยังรู้สึกถึงความชุ่มชื้นจนถึงการสระครั้งต่อไป เหมือน Hair spa ค่ะ
แล้วจะเลือกซื้ออันไหนดีล่ะเจ๊
ราคา  Hair spa ปริมาณ 500 ml. ราคาประมาณ 370 ส่วน Lolane ปริมาณ 250 ml. ราคาประมาณ 150  Lolane ถูกกว่านิดนึง
คุณภาพ ดีทั้งคู่ อันนี้แล้วแต่สภาพผมและความชอบส่วนตัวค่ะ เกรซว่า ถ้าต้องการความนิ่ม แบบนิ๊ม นิ่ม ผมเรียบไม่ชี้ฟู ก็ Lolane ถ้าต้องการความมีน้ำหนักเงางาม ผมมีสปริง ก็ Hair spa 
ถ้าจะให้ดีก็ใช้ทั้งสองอันเลยค่ะ ถ้ามีเวลามากหน่อยก็หมักด้วย Hair spa ถ้ารีบร้อนก็หมัก Lolane จับปลาสองมือไปเลยจ้ะ ใช้สลับกันไปมา หนุกดี การใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ อย่างเดียวนานๆ ไม่ดีหรอกค่ะ ควรสลับใช้ผลิตภัณฑ์อย่างอื่นบ้าง เพื่อไม่ให้เส้นผมลีบแบน หรือ กระด้าง
กลิ่น หอมอ่อนๆทั้งคู่ สำหรับเกรซขอให้ไม่ใช่กลิ่นลูกกวาดหวานๆเป็นอันใช้ได้
ไม่มีตังค์ซื้อ ทำไงดี ฮือ ฮือ
ใช้น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก ก็ได้ค่ะ โดยใช้หมักผมก่อนสระประมาณครึ่งชั่วโมง สูตรนี้แม้แต่ดาราดังหลายคน ก็นิยมใช้กัน เพราะ สกัดจากธรรมชาติ แต่เวลาหมัก ควรเว้นระยะโคนผมไว้ด้วย เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว จะทำให้หนังศีรษะมันและเส้นผมลีบแบนได้ค่ะ เกรซต้องบอกตรงๆว่า ลองเองแล้วไม่ชอบอ่ะ ไม่ได้ดัดจริตนะคะ แต่ไม่ค่อยถูกกับอะไรที่ธรรมชาติมากๆ 
นอกจากการบำรุงรักษาเส้นผม โดย การเล็มปลายผมและการหมักด้วยทรีทเมนต์แล้ว ควรหลีกเลี่ยง ความร้อนจาก การจัดแต่งทรง ทำสีเป็นประจำ เข้าใจนะคะว่า บางคนหลีกเลียงไม่ได้ แต่ก็ควรมีเวลาให้เส้นผมได้พักบ้างรัยบ้าง ถ้าเส้นผมที่มีอยู่แห้งเสีย ก็ไปตัดออกซะ เก็บเอาไว้ธนาคารก็ไม่ให้ดอกเบี้ย เว้นเสียแต่ว่า จะเก็บไว้ทำไม้กวาด อิอิ อีกอย่างนึงที่เกรซสังเกตเห็นคือ ผู้หญิงเราชอบไปอบไอน้ำที่ร้าน จากนั้น ช่างทำผมก็จะใช้ไดร์เป่าผมซึ่งมีความร้อนสูงมากๆ มาเป่าผมให้เรา ซึ่งมันดูขัดๆกันมั้ยคะ เราต้องการฟื้นฟูสภาพเส้นผม แต่กลับใช้ความร้อนทำลายเส้นผมซ้ำลงไปอีก มันไม่ดีกว่าเหรอค่ะ หากเราหมักผมหรืออบไอน้ำเองที่บ้าน จากนั้นปล่อยให้แห้งเอง หรือใช้เครื่องเป่าผมที่ไม่ร้อนมากมาไดร์ผม หรือบอกช่างทำผมว่า อบไอน้ำแต่ไม่ต้องไดร์ผม อันนี้ลองไปคิดเล่นๆกันดูนะคะ เคยมีคนพูดว่า เส้นผมคือ มงกุฎ เพิ่มความสวยเปล่งประกายให้แก่ผู้หญิง  จะเลือกสวมมงกุฎเพชร มงกุฎดอกส้ม หรือมงกุฏฟางข้าว อยู่ที่คุณแล้วล่ะค่ะ  อย่าลืมนะคะ เกิดเป็นหญิงอย่าได้หยุดสวย ดีชั่วจนรวยต้องสวยไว้ก่อน หมั่นดูแลเป็นนิจจะสวยแน่นอน รีบทำเสียก่อน จะลงไปนอนในโลง อ้าวขึ้นต้นซะดีเชียว ผมเสียแก้ได้ แต่ปากเสียแก้ไม่ได้จริงๆค่า ^.^





No comments:

Post a Comment